มารู้จัก ประวัติเลดี้กาก้า แบบลึก ๆ กันดีกว่า
ย้อนไปเมื่อ 26 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2529 มีเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มนามว่า สเตฟานี่ โจแอนน์ แองเจลินา เจอร์มาน็อตตา ได้เกิดมาลืมตาดูโลก ในครอบครัวของนักลงทุนทางอินเทอร์เน็ตชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน ที่อาศัยอยู่ในมหานครนิวยอร์ก
จากนั้น เด็กหญิงคนนี้ได้เติบโตขึ้นมาโดยถูกปลูกฝังความสามารถด้านการเล่นเปียโนมาตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบ เธอเป็นคนมีอิสระทางความคิด มีความคิดที่แหวกแนวไม่เหมือนใคร จนทำให้ใครหลาย ๆ คนมองว่าเธอเป็นคนแปลก ก้าวร้าว และบ้าระห่ำมาก แต่เพื่อนร่วมห้องของเธอก็ยังยืนยันว่าเธอเป็นนักเรียนที่ดี
สเตฟานี่เริ่มฉายแววการเป็นศิลปินตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนั้นเธอได้เขียนเพลงบรรเลงเปียโนด้วยตัวเองเพลงแรก และแสดงต่อหน้าฝูงชนเมื่ออายุได้ 14 ปี จากนั้นไม่นานนัก เธอก็มีความหลงใหลในด้านละครเวที และมีโอกาสได้เล่นละครเวทีของโรงเรียนอยู่สองเรื่อง รวมทั้งยังได้รับบทเล็ก ๆ ในซีรีย์เรื่อง The Sopranos อีกด้วย
จากนั้นเมื่อเธออายุได้ 17 ปี เธอก็เข้าเรียนในโรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก โดยพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย ระหว่างนั้นเธอก็ได้เรียนวิชาดนตรีและการเขียนเพลงที่ตัวเองชื่นชอบ โดยพัฒนาทักษะจากการเขียนร้อยแก้วในประเด็นวิเคราะห์วิจารณ์ศิลปะ ศาสนา และสังคม แต่หลังจากเรียนที่นี่ยังไม่ทันจะพ้นปี เธอก็รู้สึกว่าเธอมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนอื่น และไม่อยากจะเรียนในโรงเรียนอีกต่อไป จึงออกไปแสวงหาช่องทางในการทำงานในวงการดนตรี โดยทำงานในคลับเมื่ออายุได้ 18 ปี
หลังจากออกจากทำงานในคลับมาได้เพียง 1 ปี เธอก็ได้เข้าร่วมบันทึกเสียงกับนักร้องฮิปฮอปเพื่อประกอบหนังสือเสียงสำหรับเด็ก จากนั้นไม่นานนักก็ตั้งวงดนตรีชื่อ สเตฟานี่ เจอร์มาน็อตตา หรือ SGBand ร่วมกับเพื่อนในนิวยอร์ก และไม่นานนักวงดนตรีของเธอก็มีแฟนคลับกลุ่มเล็ก ๆ ก่อนที่งานเพลงจะไปเข้าตาโปรดิวเซอร์อย่างโจน วูลพิซ เข้า เธอจึงได้รับการติดต่อให้มาทำงานเพลงและนับเป็นก้าวแรกของเธอในวงการบันเทิงนับตั้งแต่นั้น
ไม่นานนัก ความสามารถในการแต่งเพลงอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอก็ไปเข้าตาโปรดิวเซอร์ ร็อบ ฟูซารี ซึ่งกำลังมองหานักร้องหญิงมาร้องนำในวงดนตรีวงใหม่ เธอจึงได้มีโอกาสมาทำงานเพลงร่วมกับร็อบ ขณะที่ร็อบเองนั้นก็สังเกตว่า เสียงของสเตฟานี่นั้นคล้ายกับเสียงของ เฟรดดี้ เมอร์คูรี นักร้องนำวงควีนผู้ล่วงลับ เขาจึงเริ่มทักทายกับสเตฟานี่ด้วยการร้องเพลง Radio Ga Ga แทนการเซย์เฮลโหลกับเธอทุกครั้ง และนี่คือที่มาของชื่อในวงการ “เลดี้ กาก้า” ซึ่งเธอเองก็ชอบชื่อนี้มาก จนเอ่ยปากว่า “โอเค ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกฉันว่าสเตฟานี่อีกแล้ว”
หลังจากได้ร่วมกันสร้างสรรค์งานเพลงร่วมกันแล้ว ร็อบก็นำงานเพลงที่เขาแต่งร่วมกับ เลดี้ กาก้า ส่งให้เพื่อนของเขาซึ่งเป็นผู้บริหารค่ายเพลงและมันก็ได้รับความสนใจมาก จนได้เซ็นสัญญากับเลดี้ กาก้า ทันที ภายใต้สังกัดสตรีมไลน์เรคคอร์ด จากนั้นเธอก็ได้มีโอกาสเขียนเพลงให้กับนักร้องหลายค่าย รวมทั้ง บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องสาวชื่อดังด้วย แต่ระหว่างทำงานเป็นนักแต่งเพลงนั้น ปรากฎว่า เอคอน (Akon) นักร้องและนักแต่งเพลง ได้เล็งเห็นความสามารถทางด้านการร้องเพลงของเลดี้ กาก้า หลังจากที่เธอร้องเดโมเป็นตัวอย่างเพลงของเขา เขาจึงติดต่อกับทางสังกัดอินเตอร์สโคป ปั้น เลดี้ กาก้า เป็นนักร้องร่วมกัน และไม่นานหลังจากนั้น เลดี้ กาก้า ก็ได้เปิดตัวอัลบั้มแรก “The Fame” ออกมาให้ได้รู้จักกันไปทั่วโลก ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเธอจะประสบความสำเร็จตั้งแต่อัลบั้มแรก โดยทำยอดขายได้กว่า 12 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก ขณะที่เพลงที่โด่งดังที่สุดจากอัลบั้มนี้ คือ Just Dance และ Poker Face โดยเฉพาะเพลง Poker Face นับว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น เพราะสามารถไต่อันดับขึ้นไปติดชาร์ตอันดับ 1 ไปทั่วโลกเลยทีเดียว
ทั้งนี้ นับจากวันนั้น ปัจจุบัน เลดี้ กาก้า มีอัลบั้มออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังกันแล้วทั้งหมด 3 อัลบั้ม ได้แก่ เดอะ เฟม (2008), เดอะ เฟม มอนสเตอร์ (2009) และล่าสุดคือ บอร์น ดิส เวย์ (2011) และเธอก็ได้กลายเป็นนักร้องสุดมั่นที่ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเธอไปซะแล้ว เพราะนอกจากเพลงของเธอจะโด่งดังแล้ว เธอยังแต่งตัวแปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร และไม่มีใครกล้าเหมือนอย่างที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน
ขอขอบคุณ : กระปุกดอดคอม
ขอขอบคุณ : กระปุกดอดคอม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น