สำหรับโลก... แม่เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง
#แต่สำหรับลูกแม่คือโลกทั้งใบ
เมื่อ Bobbi Parish หย่าจากอดีตสามี
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของเธอตกต่ำลงในฉับพลัน เธอหอบหิ้วลูกออกจากบ้านหรูมาอยู่อพาร์ตเมนท์เล็ก ๆ เปลี่ยนฐานะจากชนชั้นสูงมาสู่ความเป็นอยู่ระดับต่ำกว่ายากจน สิ่งที่เคยเป็นกิจวัตรปกติกลับกลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยไปเสียแล้ว
ตั้งแต่แต่งงานเธอก็ไม่ได้ทำงานเต็มเวลา
หลังจากหย่าเธอสามารถทำงานเต็มเวลาได้
หลายคนเห็นว่าเธอควรทำเช่นนั้น เห็นว่าลูกเธอไม่สมควรประสบการเปลี่ยนมาตรฐานความเป็นอยู่
ดังที่เกิดขึ้น ใคร ๆ เชื่อว่าเธอควรส่งลูกไป daycare แล้วกลับไปทำงานเต็มเวลา แต่เธอรู้ว่าการทำเช่นนั้น
จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าความผิดหวังจากการที่ไม่ได้
ไปดูหนังหรือไปร้านพิซซ่าหลายเท่า
เมื่อลูกยังเป็นทารกเพิ่งหัดยืน สุนัขตัวใหญ่กว่าเขา
3 เท่า คาบหัวเขาจับเหวี่ยงไปในอากาศ
เปลี่ยนเด็กที่มีความมั่นใจ เป็นสุข ให้เป็นเด็กที่วิตกกังวล ไม่มั่นใจ ไม่รู้สึกปลอดภัยไม่ว่าที่ใดนอกจากในอ้อมแขนแม่ การส่งลูกไป daycare จะมีผลเสียต่อเขายิ่งเสียกว่าการไม่ได้กินอาหารตามภัตตาคาร
สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่พิซซ่าจากร้าน แต่คือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เขารู้สึกปลอดภัย การส่งเขาไปอยู่ daycare สัปดาห์ละ 40-50 ชั่วโมงจะกัดกร่อนความพยายามอย่างหนักที่เธอทำไปเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น
ในตัวเองของเขาไปเสีย
แทนที่จะรับงาน ซึ่งจะทำให้เธอต้องให้ลูกอยู่ภายใต้
การดูแลของคนอื่นในเวลาส่วนใหญ่ของสัปดาห์
เธอจึงรับงานที่ทำที่บ้านได้ตามตารางของตัวเอง
ถึงแม้รายได้ยังต่ำกว่าระดับยากจน ตามมาตรฐาน
ของประเทศก็ตาม แต่เธอได้อยู่กับลูกเวลาที่เขาเกิดอาการตื่นตกใจ หรือแทบทำอะไรไม่ได้ เพราะคืนก่อนไม่ได้นอน เนื่องจากฝันร้ายและกังวล
เขาไม่ต้องอยู่กับคนเลี้ยงเด็กแล้วพยายามต่อสู้
กับความท้าทายเหล่านั้นตามลำพัง
เพราะไม่วางใจว่าคนอื่นจะช่วยให้เขาปลอดภัยได้
ความยากจนทางการเงินเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง
เพราะไม่ต้องการให้สุขภาพจิตของลูกถูกทำลายไปชนิดที่ไม่มีเงินจำนวนใดจะทดแทนได้ เด็กต้องการมากกว่าเงินและสิ่งที่เงินซื้อได้ เด็กมีสิทธิที่จะได้รับความต้องการขั้นพื้นฐาน คือ ที่อยู่ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร การศึกษา การรักษาพยาบาล แต่เด็กก็ต้องการความรัก การนำทาง และความคุ้มครองด้วย หากพ่อแม่ไม่สามารถให้สิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ว่าเงินเท่าใดก็ไม่สามารถเติมเต็มความสูญเสียอันร้าวรานที่เด็กรู้สึกได้
เหตุใดเราจึงยอมรับพ่อแม่ที่ไม่ให้ลูกทางใจกัน
น้อยกว่าพ่อแม่ที่ไม่ให้ลูกทางวัตถุ
การตัดสินใจของเธอทำให้ลูกมีที่ ๆ ปลอดภัยที่จะหยัดยืนขึ้นมาใหม่ เมื่อสุขภาพจิตของเขาดีขึ้น เธอก็เพิ่มเวลาทำงานขึ้น ค่อย ๆ ขยับฐานะสู่ชนชั้นกลางระดับล่างและต่อมาก็ชนชั้นกลางจริง ๆ จนสามารถให้ข้าวของที่ไม่เคยให้แก่ลูกได้ หากเธอเลือกที่จะกลับไปทำงานและให้ลูกอยู่ daycare ตั้งแต่เล็ก เธอสงสัยว่าสิ่งหรู ๆ เหล่านี้จะมีความหมายต่อลูกสักเพียงใดกันในเวลานั้น บัดนี้ลูกเป็นวัยรุ่นที่มีสุขภาวะดีในบ้านที่ยากจนทางการเงินแต่รุ่มรวยทางใจ เขาสามารถเพลิดเพลินกับสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยความมั่นใจในตัวเองและความดีงามในโลก
ไม่เฉพาะเด็กที่มี trauma เท่านั้นหรอก เด็กทั่ว ๆ ไปก็เช่นกัน ไม่ได้ต้องการของเล่นมาก ๆ แพง ๆ เสื้อผ้าของใช้แบรนด์ดัง อาหารภัตตาคาร เท่ากับที่ต้องการความรัก การนำทาง และความคุ้มครองจากพ่อแม่เลย ความขัดสนทางวัตถุไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเด็กเท่ากับความขัดสนทางใจแม้แต่น้อย
Cr . I Lived in Poverty to Save My Son
From Daycare
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น