วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"รองเท้าแตะ" ยังมีรองเท้าแตะคู่หนึ่งวางขายอยู่ในร้านรองเท้า ใครจะไปเชื่อว่าจะมีการไม่ลงรอยกันระหว่างรองเท้าแตะข้างซ้ายกับรองเท้าแตะข้างขวา “เธอสองคนหน้าตาก็เหมือนกัน” รองเท้าบู๊ทที่วางขายอยู่ในตู้โชว์พูดขึ้น “ไม่น่าจะทะเลาะกัน” “ใครจะอยากทะเลาะด้วย” รองเท้าแตะข้างขวาพูด “และอีกอย่างหนึ่งนะ ฉันหน้าเหมือนมันตรงไหน มันก็เป็นได้แค่เงาสะท้อนของฉัน” รองเท้าแตะข้างซ้ายพองหูคีบขึ้น “แกเรียกใครว่ามัน อันที่จริงแกต่างหากที่เป็นเงาสะท้อนของฉัน ตอนที่เขาผลิตฉันน่ะ เขาทำข้างซ้ายก่อน” “จริงหรือ” รองเท้าส้นสูงที่วางอยู่อีกชั้นหนึ่งได้ยินเข้าจึงตะโกนถาม “ไม่รู้สิ เวลาคนเขานับ เขานับซ้ายก่อนขวานี่” รองเท้าแตะข้างซ้ายพูดพลางบิดตัว รองเท้าแตะข้างขวาหันหน้าใส่ “เพราะนิสัยอย่างนี้นี่เอง เลยไม่มีใครซื้อฉันไปใส่เสียที” “อะไรนะ นี่เป็นเพราะฉันหรือ” รองเท้าแตะข้างซ้ายสั่นหูคีบไม่พอใจ “ก็ใช่น่ะสิ เธอมันท่ามาก เดี๋ยวก็บิดตัว เดี๋ยวก็พองหูคีบ คนที่เขามาลอง เขาก็คิดว่าใส่ไม่พอดี” รองเท้าแตะข้างขวาบอก “เธอต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันขายไม่ได้ วันๆก็เอาแต่อยู่นิ่งๆ ไม่ขยับตัว ผิวของเธอมันถึงได้แข็งอย่างนี้ ใครมาลองใส่ก็ต้องคิดว่ารองเท้าคู่นี้มันใส่ไม่สบายเลย” รองเท้าแตะข้างซ้ายขยับหูคีบมาเขี่ยยั่วรองเท้าแตะข้างขวา “เธอหาเรื่องฉันหรือ” รองเท้าแตะข้างขวาโกรธ “ฉันอยากรู้จริงๆว่า สุดท้ายจะมีคนโง่คนไหนอยากใส่รองเท้าอย่างเธอบ้าง” รองเท้าแตะข้างซ้ายตอบยิ้มเยาะ “นั่นสิ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า แล้วจะมีใครหน้าไหนบ้าพอจะสวมใส่ลงไปในรองเท้าแข็งๆอย่าเธอ” แล้วรองเท้าแตะคู่นี้ก็ทะเลาะกันไปอย่างนี้ทุกวี่ทุกวัน บ้างก็ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายหนึ่งแย่ บ้างก็ว่าผิวของรองเท้าไม่ดี หนำซ้ำยังต่อว่ากันไปถึงสีของรองเท้า พวกเขาลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นรองเท้าคู่เดียวกัน สีเดียวกัน เมื่อวางขายอยู่ที่ชั้นโชว์แล้วไม่มีคนสนใจ เจ้าของร้านจึงย้ายรองเท้าแตะเข้ามาวางในชั้นด้านในของร้าน และยิ่งไม่มีใครมาลองรองเท้าคู่นี้ รองเท้าแตะข้างซ้ายและข้างขวาก็ยิ่งโทษกันและกันหนักขึ้น เวลาผ่านไป เจ้าของร้านก็ย้ายรองเท้าคู่นี้วางลึกเข้าไปในชั้นเรื่อยๆ ในที่สุด เมื่อขายไม่ออก เจ้าของร้านก็เอารองเท้าแตะคู่นี้ประกบสอดสวมกัน แล้วก็ใส่กล่องเก็บไว้ในห้องเก็บของหลังร้าน พวกเขาต้องสวมใส่กันเองไปตลอดกาล Cr. ประภาส ชลศรานนท์

"รองเท้าแตะ"

ยังมีรองเท้าแตะคู่หนึ่งวางขายอยู่ในร้านรองเท้า

ใครจะไปเชื่อว่าจะมีการไม่ลงรอยกันระหว่างรองเท้าแตะข้างซ้ายกับรองเท้าแตะข้างขวา
“เธอสองคนหน้าตาก็เหมือนกัน” รองเท้าบู๊ทที่วางขายอยู่ในตู้โชว์พูดขึ้น “ไม่น่าจะทะเลาะกัน”

“ใครจะอยากทะเลาะด้วย” รองเท้าแตะข้างขวาพูด “และอีกอย่างหนึ่งนะ ฉันหน้าเหมือนมันตรงไหน มันก็เป็นได้แค่เงาสะท้อนของฉัน”
รองเท้าแตะข้างซ้ายพองหูคีบขึ้น “แกเรียกใครว่ามัน อันที่จริงแกต่างหากที่เป็นเงาสะท้อนของฉัน ตอนที่เขาผลิตฉันน่ะ เขาทำข้างซ้ายก่อน”
“จริงหรือ” รองเท้าส้นสูงที่วางอยู่อีกชั้นหนึ่งได้ยินเข้าจึงตะโกนถาม
“ไม่รู้สิ เวลาคนเขานับ เขานับซ้ายก่อนขวานี่” รองเท้าแตะข้างซ้ายพูดพลางบิดตัว
รองเท้าแตะข้างขวาหันหน้าใส่ “เพราะนิสัยอย่างนี้นี่เอง เลยไม่มีใครซื้อฉันไปใส่เสียที”
“อะไรนะ นี่เป็นเพราะฉันหรือ” รองเท้าแตะข้างซ้ายสั่นหูคีบไม่พอใจ
“ก็ใช่น่ะสิ เธอมันท่ามาก เดี๋ยวก็บิดตัว เดี๋ยวก็พองหูคีบ คนที่เขามาลอง เขาก็คิดว่าใส่ไม่พอดี” รองเท้าแตะข้างขวาบอก

“เธอต่างหากที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันขายไม่ได้ วันๆก็เอาแต่อยู่นิ่งๆ ไม่ขยับตัว ผิวของเธอมันถึงได้แข็งอย่างนี้ ใครมาลองใส่ก็ต้องคิดว่ารองเท้าคู่นี้มันใส่ไม่สบายเลย” รองเท้าแตะข้างซ้ายขยับหูคีบมาเขี่ยยั่วรองเท้าแตะข้างขวา

“เธอหาเรื่องฉันหรือ” รองเท้าแตะข้างขวาโกรธ “ฉันอยากรู้จริงๆว่า สุดท้ายจะมีคนโง่คนไหนอยากใส่รองเท้าอย่างเธอบ้าง”
รองเท้าแตะข้างซ้ายตอบยิ้มเยาะ “นั่นสิ ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า แล้วจะมีใครหน้าไหนบ้าพอจะสวมใส่ลงไปในรองเท้าแข็งๆอย่าเธอ”

แล้วรองเท้าแตะคู่นี้ก็ทะเลาะกันไปอย่างนี้ทุกวี่ทุกวัน บ้างก็ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายหนึ่งแย่ บ้างก็ว่าผิวของรองเท้าไม่ดี หนำซ้ำยังต่อว่ากันไปถึงสีของรองเท้า พวกเขาลืมไปแล้วว่าพวกเขาเป็นรองเท้าคู่เดียวกัน สีเดียวกัน

เมื่อวางขายอยู่ที่ชั้นโชว์แล้วไม่มีคนสนใจ เจ้าของร้านจึงย้ายรองเท้าแตะเข้ามาวางในชั้นด้านในของร้าน และยิ่งไม่มีใครมาลองรองเท้าคู่นี้  รองเท้าแตะข้างซ้ายและข้างขวาก็ยิ่งโทษกันและกันหนักขึ้น
เวลาผ่านไป เจ้าของร้านก็ย้ายรองเท้าคู่นี้วางลึกเข้าไปในชั้นเรื่อยๆ

ในที่สุด เมื่อขายไม่ออก เจ้าของร้านก็เอารองเท้าแตะคู่นี้ประกบสอดสวมกัน แล้วก็ใส่กล่องเก็บไว้ในห้องเก็บของหลังร้าน

พวกเขาต้องสวมใส่กันเองไปตลอดกาล

Cr. ประภาส ชลศรานนท์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น